Slack คือแพลตฟอร์มการสื่อสารสำหรับทีมและองค์กร ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นผ่าน แชท, วิดีโอคอล, แชร์ไฟล์, และการทำงานร่วมกับแอปอื่น ๆ เช่น Google Drive, Trello และ Asana โดย Slack แบ่งการสนทนาออกเป็น Channels (ช่องทาง) เพื่อให้ทีมสามารถพูดคุยกันในหัวข้อที่เฉพาะเจาะจง และยังมี Direct Messages (DM) สำหรับแชทส่วนตัว นอกจากนี้ยังรองรับ บอทอัตโนมัติ, API สำหรับนักพัฒนา และการแจ้งเตือนจากแอปภายนอก
จุดเด่น - ระบบ Channels ที่ช่วยจัดระเบียบการสนทนา & การเชื่อมต่อกับแอปอื่น ๆ ได้มากมาย
ข้อดี
✅ ค้นหาข้อความและไฟล์เก่าได้ง่าย
✅ มี Workflow Automation ช่วยลดงานซ้ำ ๆ
ข้อเสีย
❌ ราคาค่อนข้างสูงสำหรับแผนเสียเงิน
❌ ประชุมวิดีโอไม่เด่นเท่า Zoom หรือ Microsoft Teams
Microsoft Teams คือแพลตฟอร์มการสื่อสารและการทำงานร่วมกันสำหรับทีมและองค์กร ที่ช่วยให้สมาชิกสามารถติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่าน แชท, วิดีโอคอล, แชร์ไฟล์, และการทำงานร่วมกับแอปอื่น ๆ เช่น Microsoft 365, Trello, และ Asana Microsoft Teams โดยมีการแบ่งพื้นที่การทำงานออกเป็น Teams และ Channels ซึ่งช่วยให้แต่ละทีมสามารถสร้างช่องสำหรับพูดคุยหรือทำงานในหัวข้อเฉพาะได้ นอกจากนี้ยังมี Direct Messages (DM) สำหรับการแชทส่วนตัว และรองรับการประชุมออนไลน์ที่สามารถแชร์หน้าจอ, อัดวิดีโอ, หรือแม้แต่ตั้งโพลสำรวจภายในแชทได้อีกด้วย และ Microsoft Teams ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อกับ Microsoft 365 (Word, Excel, PowerPoint, OneDrive) ทำให้สามารถเปิด แก้ไข และทำงานร่วมกันในเอกสารได้โดยตรงในแอป นอกจากนี้ยังมี บอทอัตโนมัติ, การแจ้งเตือนจากแอปภายนอก, และการทำงานร่วมกับ Power Automate ที่ช่วยให้ทีมสามารถตั้งค่าการทำงานอัตโนมัติ เช่น การแจ้งเตือนเมื่อมีไฟล์ใหม่ถูกอัปโหลด หรือการติดตามงานผ่าน To-Do Lists
จุดเด่น - ผสานกับ Word, Excel, OneDrive ได้ & รองรับการประชุมวิดีโอขนาดใหญ่
ข้อดี
✅ เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Microsoft 365
✅ รองรับการแชร์ไฟล์และแก้ไขเอกสารร่วมกันแบบเรียลไทม์
ข้อเสีย
❌ UI ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับมือใหม่เพราะมีเครื่องมือเยอะ
❌ ใช้ทรัพยากรเครื่องสูง
Zoom เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการประชุมออนไลน์และวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก เหมาะสำหรับการทำงานระยะไกล, การเรียนออนไลน์, และการสื่อสารทางธุรกิจ รองรับทั้งการประชุมแบบตัวต่อตัวและการประชุมแบบกลุ่มขนาดใหญ่ โดย Zoom เปิดให้ใช้งานผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น คอมพิวเตอร์ (Windows, macOS, Linux) และอุปกรณ์พกพา (iOS, Android) รวมถึงสามารถใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
จุดเด่น - วิดีโอคอลคุณภาพสูง & มีฟีเจอร์ Breakout Rooms สำหรับแบ่งกลุ่ม
ข้อดี
✅ ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีบัญชี Zoom ก็เข้าร่วมประชุมได้
✅ รองรับผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก (สูงสุด 1,000 คนในแผนใหญ่)
ข้อเสีย
❌ แผนฟรีจำกัดเวลา 40 นาทีต่อการประชุม
❌ ใช้แบนด์วิดท์สูง (แบนด์วิดท์ คือ ปริมาณการรับส่งข้อมูล (Data-Transfer) ทางอินเทอร์เน็ต)
Google Meet เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการประชุมออนไลน์และวิดีโอคอลที่พัฒนาโดย Google โดยออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ปลอดภัย และเหมาะกับทั้งการทำงานและการเรียนออนไลน์ สามารถเข้าร่วมประชุมได้ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ (iOS และ Android) โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม และสามารถทำงานร่วมกับแอปของ Google อื่น ๆ เช่น Google Calendar, Gmail, Google Drive ได้อย่างราบรื่น
จุดเด่น - ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย & ผสานกับ Gmail, Calendar ได้ดี
ข้อดี
✅ ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่ม
✅ ฟรีสำหรับบัญชี Google ทั่วไป
ข้อเสีย
❌ ฟีเจอร์น้อยกว่า Zoom และ Microsoft Teams
❌ คุณภาพวิดีโออาจลดลงหากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร
Discord เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสื่อสารออนไลน์ที่รองรับ ข้อความ, วิดีโอคอล, และเสียงพูดแบบเรียลไทม์ ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายในชุมชนออนไลน์ (Communities) โดยเฉพาะกลุ่มนักเล่นเกม, นักพัฒนา, นักเรียน, หรือแม้แต่ทีมทำงานที่ต้องการสื่อสารแบบมีโครงสร้าง ซึ่งสามารถใช้ได้บน Windows, macOS, iOS, Android, และเว็บเบราว์เซอร์ ทำให้สามารถสื่อสารได้จากทุกที่ รองรับทั้ง เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว และ เซิร์ฟเวอร์สาธารณะ ซึ่งสามารถสร้างห้องสนทนา (Channels) ได้หลายประเภท
จุดเด่น - มี Voice Channel ที่คุยเสียงได้ตลอด & รองรับการสร้าง เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว
ข้อดี
✅ ใช้ฟรีและรองรับผู้ใช้จำนวนมาก
✅ ปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์และบอทได้หลากหลาย
ข้อเสีย
❌ ไม่เหมาะสำหรับการประชุมองค์กรแบบเป็นทางการ
❌ วิดีโอคอลคุณภาพไม่สูงเท่า Zoom